วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เอาไหม?สร้างสภาใหม่ ไม่เกิน 1000 ล้าน

ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ

จะว่าไปผมได้ไอเดียนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว.............แต่นานเท่าไหร่อย่าไปรู้เลยเดี๋ยวผมจะดูแก่มากขึ้นไปเปล่าๆ

เอาเป็นว่าไอเดียนี้มีมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว โดยวิชาสถาปัตยนั้นเราต้องเรียนกัน 5 ปีครับไม่ใช่ 4 ปีแบบทั่วๆไป

ในปีสุดท้าย นักศึกษาสถาปัจยต้องสมมุติโครงการแล้วออกแบบขึ้น โครงการสมมุตินี้เป็นอะไรก็ได้ครับ เลือกที่ดินที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีเหตุผลประกอบนะครับว่าทำไม อย่างไร

อาทิ หากอยากสร้างโรงแรม ก็ต้องตอบว่าทำไมถึงสร้างจังหวัดนี้ นักท่องเที่ยวพอไหม คืนทุนเมื่อไหร่ ผิดกฏหมายไหม ฯลฯ

และตอนนั้นผมคิดจะทำโครงการ.............รัฐสภาใหม่

จะว่าไปรัฐสภามักมีคนเสนอออกแบบเสมอ เพราะมีแนวคิดมานานแล้วว่าจะสร้างใหม่ แม้แต่ที่ใช่อยู่ปัจจุบัน เดิมก็กะใช่ช่วงคราว แต่เอาจริงๆก็ใช่อยู่หลายปี

และในตอนนั้นผมมีที่ในใจอยู่ 2-3 ที่ แต่ไม่มีที่เกียกกาย

ที่แรกคือ สวนสัตว์ดุสิต และ ใต้ดินบริเวณพระบรมรูปทรงม้า

ทั้ง 2 ที่ผมเลือกเพราะใกล้ของเดิม ทำให้ราชพิธีของในหลวง สภา และอื่นๆจะไม่เปลี่ยนไป

จะว่าไปผมเลือกสวนสัตว์เพราะไม่ต้องรื้อกรง กรงเสือ สิงห์ งูและแมลงมีพิษเหมาะดีกับห้องทำงาน สส ส่วนกรงลิงใหญ่ๆก็เหมาะกับการประชุมสภา................

แต่เอาเถอะเมื่อผมโตขึ้น(อย่าบอกว่าแกขึ้นนะมีเคือง) ผมเลือกที่ที่ 3 ในตอนนั้นคือ..........

เรือนจำคลองเปรม

ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ เรือนจำคลองเปรมจริงๆ จะว่าไปหากเลือกที่นี้

เราจะใช่งบไม่เกิน 1000 ล้านก็ได้สภาใหม่

ทำไมต้องเรือนจำคลองเปรม

คงต้องบอกตรงๆว่าไม่มีที่ใดในโลกหรอกครับที่เอานักโทษความผิดร้ายแรงไว้ใจกลางเมือง

เพราะหากหลุดมาแล้ว.........ท่านได้ข่าวที่ขอนแก่นที่เด็กถูกคุมประพฤติหลุดมาแล้วไปข่มขืนนักศึกษาที่เดินผ่านได้นะ

ทั่วโลกเขาเลยย้ายไปไกลๆเมือง

ดังนั้นเรือนจำแห่งนี้จึงมีแนวคิดจะย้ายออกจากเมืองอยู่แล้ว

และเมื่อย้ายไปที่นี้ก็โล่งครับ ดีเสียอีก ย้ายนักโทษกับไล่ที่นักเรียนและชาวบ้าน ย้ายนักโทษง่ายกว่าเยอะ...........

แล้วลองพิจารณาทำเลนะครับ มีทางด่วนผ่าน มีสถานีรถไฟผ่าน ไม่ห่างจากสนามบินดอนเมือง แล้วยังมีคลองที่เชื่อมกับเจ้าพระยาอีก การเข้าถึงได้หลายทาง

มีขนาด ราวๆ 512 ไร่ ใหญ่กว่าที่เกียกกาย และมีรูปทรงสวยกว่าดูรูปได้ครับ

และหากเลือกที่นี้ก็ไม่ต้องทำอะไรใหม่ ดูทางเข้าสิครับ มีวงเวียน มีสระทางเข้า 2 สระอีกปรับปรุงนิดหน่อยก็ใช่ได้

แล้วมีสระน้ำล้อมรอบอีก..........สวยสุดๆ

แล้วดูตึกเก่าพวกนี้สิ ปรับปรุงเป็นที่ทำงาน อาคารสื่อมวลชน และอื่นๆได้โดยไม่ต้องสร้างใหม่เลย

เอาละมาถึงอาคารที่ทำงาน สส และวุฒิฯ

ผมเลือกใจกลางแห่งคลองเปรม ห้องนักโทษ

อย่าบอกว่าไม่เหมาะนะ มันจำนักโทษได้เป็นหมื่น จุพวกคุณหลักร้อย นะสบาย จริงๆผมรวมพวกผู้ช่วยเป็นหลักหมื่นต้นๆยังได้เลย

และให้ดีก็อาเป็นมรณานุสติเสีย จะได้ไม่กระทำผิด

เอาละที่นี้หลายๆคนถามถึงที่ประชุม

ผมก็เอาใจกลางนี้แหละมาใช่

ดูสีน้ำเงินนะครับ

ผมรื้ออาคารตรงกลางเล็กน้อยแล้วก่อสร้างเป็นโดมกลมเพื่อประชุม เท่านี้ผมก็ได้สภาใหม่

โดยใช่เงินไม่เกิน 1000 ล้านบาท

ถูกกว่า 12000 ล้านบาทเยอะ

คุณว่าไหม?

แต่ก็อย่างที่รู้แหละ ทางเลือกของผมมันถูกไป กิน%ได้ไม่มาก สมาชิกสภาเขาไม่สนหรอก

เกาะ ปาล์ม ของ ดูไบ กับความพินาศ

ตอนผมอยู่ที่ดูไบนั้น เกาะปาล์มถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยากไปเยือนที่สุด จะว่าไปผมทำงานใกล้เกาะ 2 ใน 3 เกาะ แต่กว่าจะได้ไปเยือนจริงๆก็ตอนใกล้จะกลับ ไทย

และผมได้ไปเยือนเกาะปาล์มเพียงแห่งเดียวคือ

ปาล์ม จูไมร่า และถือเป็นปาล์มต้นเดียวที่เสร็จสมบูรณ์จริงๆ


จะว่าไปผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นัก มีเพียงอ่างเลี้ยงปลาวาฬเท่านั้นที่ทำผมตะลึง


ที่เหลือมันไม่ประทับใจเท่าไหร่เลย จะว่าไปบ้านบนนั้นมันเรียงจนเหมือนบ้านจัดสรรราคาถูกทั้งๆที่เป็นร้อยล้าน ดูสิครับ




ในขณะที่ปาล์มต้นที่ 2 เจเบอาลี

เคยเห็นแต่ไม่เคยเข้าไปเพราะยังไม่สมบูรณืครับ และปาล์มต้นนี้คือ

จุดเริ่มความพินาศ


หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม เกาะแห่งนี้คือจุดเริ่มของความพินาศ ต้องย้อนกลับไปต้นแรกก่อนครับ ปาล์ม จูไมร่า นั้นขายหมดในเวลาไม่นานนัก หากจำไม่ผิดจะขายหมดใน 1หรือ 2 วันนี้แหละครับ ทำให้เจ้าผู้ครองนครดูไบตัดสินใจสร้างปาล์มต้นที่ 2 คือเจเบลอาลีแห่งนี้

แต่........เจเบลอาลีเป็นเกาะที่ต่างจาก จูไมร่า เกาะแรกอย่างสิ้นเชิง

จูไมร่า นั้นตั้งบนหาดทรายสีขาว จูไมร่าบีซที่มีซื่อไปทั่วโลก น้ำทะเลที่ใสราวกระจกเพราะเป็นเขตที่มีหอยมุก(อันดามันเราก็มีหอยมุกและน้้ำใส) นอกจากนี้บริเวญโดยรอบ ยังเป็นที่พักอาศัยและสำนักงานชั้นดี เมืองมหาวิทยาลัย หากจำไม่ผิด เอมิเรต ฮิล ที่ตั้งบ้านทักษิณก็อยู่ใกล้ๆเกาะนี้

แต่

เจเบลอาลีไม่
ความหยิ่งผยองในโครงการแรกทำให้ เจเบลอาลีใหญ่กว่าเกาะแรก ทำให้หรูกว่า แพงกว่า
แต่
ที่ตั้งงี้เง่าที่สุดเท่าที่จะนึกถึง

เจเบลอาลีอยู่ในเขตอุตสาหกรรมและท่าเรือ มีทั้งไอพิษ น้ำเน่าปนเปื้อนเคมี คราบน้ำมันและอิ่นๆ
โครงการนี้จึงล้มไม่เป็นท่า

แต่

แทนที่เชคแกจะยอมรับ แกมองไปว่าต้องสร้างความน่าดึงดูดใจกว่านี้คนถึงเข้ามา

แกจึงสร้างเกาะรุปเสี้ยวจันทร์ล้มไปให้ใหญ่ขึ้น

เห็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่เป็นรูปตัว U ตรงทางขวามือไหมครับ นั้นแหละนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือ คิดเองใกล้ไหม?แล้วใครอยากอยู่ใกล้ที่แบบนั้น

และอย่างที่รู้ เกาะหลักขายไม่ได้ เกาะที่สร้างใหม่ก็..................เหลวครับ แกเลยขุดคลองเชื่มเข้าแผ่นดินไปยังเกาะปาล์มตัวแรกอีก.....

และหลังประกาศสร้างเกาะปาล์มแห่งนี้ไม่นาน ก็มีการประกาศสร้างเกาะที่ 3 คือ ปาล์ม เดียร์ร่า

สร้างขึ้นในเขตชายหาดของเมืองเก่า


โดยเกาะนี้จะเป็นเขตที่พักอาศัยและศูนย์ราชการของเมือง และอย่างที่รู้เกาะ 2 ยังแทบไม่รอด เกาะนี้ซึ่งใหญ่กว่าทั้ง 2 เกาะก็.......

แต่นั้นแหละครับ แทนที่แกจะคิดว่าโครงการใหญ่ๆนั้น สร้างปัญหา

เชคดูไบกลับเชื่อว่าคนเบื่อปาล์มแล้ว จึงสร้าง เดอะเวริด์



เอาละสิ หนนี้เหมือนดีครับ คนสนใจเยอะมาก

เชคแกก็เลยสั่งให้ทำแผ่นที่ให้คนทั้งหลายเห็นว่าดูไบในอีก 20 ปีจะหน้าตาอย่างไรออกมา



แต่นะครับ โครงการมันใหญ่และแพงมากคนจึงซื้อไม่มากอย่างที่คาด

และหนี้ที่กู้มาก็เริ่มพอกขึ้นเรื่อยๆๆ

เขคแกมีความเชื่อว่า ต้องน่าสนใจกว่านี้คนถึงจะเข้ามา

หากเดอะ เวริด์ โกลมันไม่น่าสน

บางที
เราควรเสนอทั้งจักรวาล

คือที่มาของ The Univer




จากรูปท่านจะได้เห็น พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวเคราะห์ต่างๆ เห็นดาวเสาร์ที่มีวงแหวนไหม?

เส้นลากรูปตัว s แทนทางช้างเผืกครับ ส่วนที่เป็นวงๆแทน อันโดรเมด้า.........................

แล้ว.......................

ท่านรู้หรือยังว่า เขาลงทุนเกินตัวแค่ไหน
และใช่เงินมากแค่ไหนกับเรื่องเหลวไหลนี้จนล้มละลาย

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทหารเตือนตำรวจ ห้ามจับ!!!!เสธแดง

ต้องเตรียมปีบไปด้วย คลุมหัวเสธแดงตอนจับ


ไม่งั้นห้ามจับ


ทหารด้วยกันเขาอาย.............



เฉลิม ป่วยหนัก.....กว่าที่หลายๆคนรู้



ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง


เหลิมป่วยหูดับรักษารพ.พระมงกุฏ ส.ส.ทยอยเยี่ยม (ข่าวสด)

เมื่อ วันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีข่าวว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย มีอาการป่วย เมื่อ สอบถามไปยังนายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีษะเกษ พรรคเพื่อไทย ซึ่งใกล้ชิดกับร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งนายธเนศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย ที่โรงพยาบาลพญาไทจริง เนื่องจากเกิดอาการหูดับฉับพลัน เพราะมีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน

ล่า สุดเมื่อเช้าวันนี้ (4 พ.ย.) ได้ย้ายมาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯเบื้องต้นแพทย์ระบุว่าอาการ ปลอดภัย ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ซึ่งคาดว่าอีก 1-2 วัน คงจะกลับบ้านได้ ทั้งนี้ ได้มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย บางส่วนหลังทราบข่าวและจะทยอยเข้าเยี่ยมต่อไปภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภา ผู้แทนราษฎร



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

นั้น คือเนื้อข่าวจาก กระปุกครับ สังเกตที่ผมไฮไลน์ไว้นะครับ 1-2 วันนับจากวันที่ 4 ปัจจุบันวันที่ 20 แล้วเรายังไม่เห็นเขาเลย จะว่าไปก่อนหน้านั้นเราก็ไม่เห็น วานนี้ทาง 96.5 มีข่าวในวิทยุด้วยว่า การป่วยครั้งนี้ไม่ธรรมดาและหนักมาก จริงๆทางนั้นเขาระบุมาเลยนะครับว่ามี สส ที่เป็นหมอในพรรคดูแล และมีการเชิญหมอจากโรงพยาบาลอื่นมาด้วย

อาการที่หนักจนกำลังปิดข่าวไม่อยู่นี้ แน่ละยังไม่มีใครทราบรายละเอียดมากนัก แต่ที่รู้แน่ๆงานนี้เฉลิมหนักจริงๆ

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นาธาน โอมาน คุณสมัครเข้า**เพื่อไทย** เถอะ



เชื่อผมสิ คุณสมบัติคุณครบ

ครบกว่า สมบัติ กรุง เมธี บรรดาดาราที่เข้าพรรค

คุณสร้างหรือวาด Mega Project ได้แน่ๆตามแบบหัวหน้าพรรคนี้ ผมอ่านจากเรื่องคุณนะ

คุณสามารถทำให้คนที่มีบุญคุณกับคุณเลวร้ายได้ ผมดูจากที่คุณคุยกับแม่บ้านและน้องอ้อม

คุณสามารถทำให้ตัวเองเป็นข่าวได้แม้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีงานเพลงยังมีงานที่ฮอลลี่วูดเนี่ย,,

คุณรู้จักคนไปทั่วโลก เหมาะกับยุทธศาสตรโลกล้อมไทยของบิ็กจ๋ว

ฯลฯ

คุณสมบัติคุณครบจริงๆ

แล้วสมัครวันนี้ คุณสามารถไปหลบภัยได้ทันทีที่เขมรด้วยนะ

แล้วแถมผู้ชายให้กอดอีก


สมัครเถอะคุณสมบัติคุณครบจริงๆ

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ย้อนอดีต 29 มค 2003 วันเขมรเผา สถานฑูตไทย

ก่อนถึงวันนั้น มีข่าวก่อนว่านักแสดงไทยซื่อดัง สุวนันท์ คงยิ่ง กล่าวดูหมิ่นชาวเขมร



ข่าว นี้มีต้นเรื่องมาจากชายชาวเขมร 3 คนมาเล่าให้บรรณาธิกาหนังสือพิมพ์ฟังแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจลง ก่อนจะเกิดเหตุความไม่พอใจอย่างรุนแรง

และเชื่อว่ามีภาครัฐภาคใต้การนำของฮุนเซน หนุนหลัง

ทำให้เกิดจราจลทั่วเมืองกับธุรกิจคนไทยในกัมพูชา






เหตุการณ์ที่รุนแรงนี้ลามไปจึงถึงการเผาธงชาติไทย



และสถานฑูตไทยในที่สุด



สภาพสถานฑูตหลังจากนั้น







ไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการฑูตและอื่นตามมา

หลังจากนั้นในเดือนพฤษา ไทยและกัมพูชาได้ยกอีกครั้ง

โดยมีการเยือนของนายกไทยขณะนั้นและชูมือแสดงชัยชนะ(บนซากหักพังของชาติไทยในกัมพูชา)



น่าประหลาด ที่เมื่อดูรูป เราเห็นภาพเราเห็นทักษิณและเชาวลิต ฮุนเซน

จนอดคิดไม่ได้

เมื่อนำเหตุการณ์ปัจจุบันมามอง

ภาพลับ ทักษิณ ฮุนเซน และเชาวลิต.....



ภาพนี้ถ่ายขึ้นที่ปราสาท นครวัด ใน 4 เดือนหลัง เผาสถานฑูตไทย...............

ท่านคิดยังไงกับภาพนี้กันบ้างหนอ????

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปิดบอร์ดการเมืองขอนแก่น เพราะเสื้อแดง**ขู่ฆ่า**

วันนี้ ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายเสื้อแดง (นปช.) ว่ามีการมีการหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ในเว็บไซต์ ถ้าผมยังเปิดให้บริการอยู่อาจบุกถึงที่ทำงานของผมด้วยเหตุนี้ผมจึงขอปิด บริการในส่วนของบอร์ดการเมืองชั่วคราว

แต่ในส่วนของข่าวสารการเมือง ด้วยจิตวิญญาณของสื่อมวลชนเราจำเป็นจะต้องนำเสนอข่าวต่อไป แต่จะปิดระบบความคิดเห็น

สำหรับตัวแทนเสื้อแดงที่โทรมาแจ้งเตือนผมคือ 081-9559XXX มีข้อสงสัยติดต่อเสื้อแดงขอนแก่น ตามหมายเลขที่แจ้งได้เลยครับ


คำปรกาศจากเว็บมาร์เตอร์ของ
http://forum.khonkaenlink.info/index.ph ... cseen.html

โดยแรกที่เดียวมีประกาศว่า




ปัจจุบันเว็บแห่งนี้ได้ปิดห้องการเมืองไปเรียบร้อยแล้วครับ...................

แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ......................

แต่จัดการสื่อฝ่ายตรงข้าอย่างเผด็จการเสียเอง.............

ให้กำลังใจ เว็บมาร์เตอร์ครับ

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รายงานสถานการณ์ ชาติ ถึงคนที่ดูไบ

จุดเริ่มต้นของ เกิดจากการที่กัมพูชาประกาศนำเขาพระวิหารไปขึ้นมรดกโลก แล้วต้องการให้ไทยเซ็นรับรอง เนื่องจากพื้นที่รอบเขาพระวิหารยังเป็นเขตพิพาก และนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลนายสมัคร ได้ไปเซ็นรับรอง

แต่

การ ร่างแผนที่ครั้งนั้น ไม่ได้มีแค่ตัวปราสาท แต่กลับมีการลากเข้ามาในแผ่นดินไทย ทำให้เกิดการส่งหนังสือประท้วงจนแผนที่มีการเขียนในเชิงพื้นที่ทับซ้อน

ใน ที่สุดเรื่องนี้นำมาซึ่งการลาออกของนาย นพดล และการจับตามองรอบๆปราสาทเขาพระวิหาร พบว่ากัมพูชาได้ล้ำเขตเดิมของไทย และยังพบการย้้ายหลักเขตหลายส่วนของไทยกัมพูชา ตลอดจนหนังสือพิมพ์กัมพูชายังลงภาพการทำลายหลักเขตของทหารเขมรด้วย

อย่าง ไรก็ดีด้วยคดีที่สมัครไปจัดรายการโทรทัศน์ ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้นายก หรือ รัฐมนตรีไปเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน ทำให้รัฐบาลนาย สมัครต้องหลุดไป

แล้วตามมาด้วยรัฐบาลสมชาย วงสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งไม่นานก็ต้องหลุดออกไปเพราะการยุบพรรค

บรรดาพลพรรคส่วนใหญ่ พลังประชาชนเดิมได้มารวมตัวในนาม เพื่อไทย และจัดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกใหม่

และอย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่ บางส่วนนำโดยนาย เนวิน ได้นำพลพรรคไปหนุนประชาธิปัติ ซึ่งนำมาด้วยรัฐบาลชุดใหม่

นาย อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ

หลังนายอภิสิทธิ์เข้ามา กลุ่มผู้สนับสนุน ทักษิณ หรือที่รู้จักในนามคนเสื้อแดงก็แสดงความไม่พอใจและป่วนนายอภิสิทธิ์ตลอดมา

จนการประชุมอาเซียนที่พัทยา ปฐมบทแห่งปัญหา ฮุนเซน อภิสิทธิ์ และทักษิณก็ได้เริ่มขึ้น...............

ใน ระหว่างนี้ปัญหาชายแดนไทยเขมรมีบ่อยครั้ง อาจจะเรียกได้ว่าการยั่วยุของฮุนเซนมีทั้งวัน ตั้งแต่ทำพิธีข่ม ขนทหารไปประจำบนปราสาท ประกาศจะยิงคนไทยทุกคนที่เข้าเขตเขมร ฯลฯ

การประชุมอาเซียนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเลื่อนสถานที่การประชุมหลายครั้งเนื่องจากเหตุทางการเมือง

ฮุนเซนได้ออกมากล่าวว่า หากไม่มีควรพร้อม ประเทศไทยควรให้ชาติอื่นจัด.......
ทำให้รัฐบาลไทยออกมารับรองความปลอดภัย

แต่ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น การประชุมล่มเพราะเสื้อแดงสลายการชุมนุม และยังนำรถแก๊สไปจอดในแยกสำคัญในกรุงเทพ

รัฐบาลจึงสลายการชุมนุม โดยในครั้งนั้นไม่มีคนตาย

แต่ที่หนักคือ ทักษิณที่ออกทีวีปลุกระดม ได้ถูกถามตบหน้าออกไปทั่วโลก และผลจากครั้งนั้นจนบัดนี้

หากสื่อนั้น ไม่ใช่สื่อที่เชียร์เขา ก็จะไม่ได้ข่าวจากเขา

สถานการณ์หลังจากนั้น กลุ่มหนุนทักษิณก็แย่ลงเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะมีข้อคราหาหลายเรื่องแต่ก็ยังไม่มีปัญหา

จะ ว่าไป แม้แต่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ปัจจุบันก็ยังไม่มี นอกจากนี้เวลาเสื้อแดงชุมนุมทุกครั้ง รัฐบาลจะประกาศ พรบ สถานการณ์ฉุกเฉินได้โดยไม่มีใครต้านเสียด้วยซ้ำ

ณ จุดนี้ทักษิณได้ดึงคนคนหนึ่งกลับมาเพื่อเปลี่ยนเกมส์

เชาวลิต

เชาวลิตเข้ามา พร้อมคำประนามจากป๋าเปรมว่าขายชาติ

แรกทีเดียวทุกคนเชื่อว่าป๋าเปรมว่าแรงไป

แต่แล้วภาระกิจแรกของเชาวลิตก็ทำให้ทุกตะลึง

เขาเดินทางไปเขมร พร้อมกับพบฮุนเซน

เมื่อมาถึงประเทศไทย เขาได้ให้สัมภาษ์ว่า
ฮุนเซนจะต้องรับทักษิณ และไม่ส่งตัวกลับ นอกจากนี้จะสร้างบ้านให้ทักษิณและจะตั้งให้เขาเป็นที่ปรึกษาอีกด้วย

ท่ามกลางความตกใจและไม่เชื่อของหลายคน ในอีก 2 วันต่อมา ในการประชุมอาเซียนที่หัวหิน ฮุนเซน ไม่มาในพิธีเปิด

และเมื่อมาถึง ก็ได้ให้สัมภาษณ์เชิงเดียวกัน

และยังได้ประกาศอีกว่า หากอาเซียนพูดเรื่อง อองซาน ซูจีได้โดยไม่ถือเป็นเรื่องการเมืองแล้ว ทำไมเขาจะพูดไม่ได้

เล่นเอางานนี้ พม่าก็เคืองฮุนเซน ไทยก้เคือง

และไม่ทันไร เชาวลิต ก็ไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอจัดตั้ง

"นครรัฐปัตตานี"

ที่นี้คำว่าขายชาติ ชักไม่เบา เริ่มกระจายไปทั่ว และแสดงความไม่พอใจอย่างสูงต่อทักษิณและพลพรรค

ท่ามกลางเรื่องนี้ ฮุนเซน ได้ออกประกาศเป็นเอกสารแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ

นั้นทำให้เกิดการเรียกร้องให้ตอบโต้รัฐบาลเขมร เพราะหลายครั้งแล้ว

นั้นนำมาซึ่งการเรียกฑูตไทยจากเขมร และโดยเร็วเขมรก็เรียกฑูตตนกลับเช่นกัน

รัฐบาลไทยจึงเริ่มมาตรการที่ 2 โดย ไทยยกเลิกข้อตกลง ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน กับ เขมรที่พื้นที่ทับซ้อน

โดยให้เหตุผลว่า

ข้อตกลงดังกล่าวกระทำในขณะที่ ทักษิณเป็นนายก เมื่อขณะนี้ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกัมพูชาแล้ว ทำให้ข้อมูลฝ่ายไทยรั่วไหล

กัมพูชา เร่งออกแถลงการงานนี้ทันทีว่า ไทยยกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้ ท่ามกลางสถานการณ์นี้ อภิสิทธิ์และฮุนเซนได้เจอกันที่ญี่ปุ่นในงานประชุมลุ่มน้าโขง

ภาพที่ออกมานั้นทำให้เห็นสถานการณ์ไทยกัมพูชาได้ทันที ไม่ว่าจะก่อนเริ่มถ่ายภาพ


ในงานเลี้ยงหลังรู้ว่าไทยยกเลิกข้อตกลง

อภิสิทธิ์

ฮุนเซน

และเมื่อมีการสำรวจโพลทั่วประเทศ ตอนนี้กว่า 70 % หนุนการดำเนินการของรัฐบาล แม้แต่ในเว็บอย่างพันทิพห้องราชดำเนินที่ครอบครองโดยคนรักทักษิณ ก็เปลี่ยนไป

อารมย์คนไทยตอนนี้คือ ทักษิณอาจจะทะเลาะกับใครก็แล้วแต่ แต่การทะเลาะของคนในบ้าน

แล้วไปลากข้างบ้านมาเป็นพวกนั้น รับไม่ได้

ยิ่ง แล้วใหญ่กับเรื่องนครรัฐปัตตานี ที่ภายหลังเปลียนเป็นนคร ปัตตานีเฉย การเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวลว่าจะเป็นจุดเริ่มการแบ่งแยกดินแดนก็ออกมาจากปาก เชาวลิต คนของทักษิณอีก

สถานการณ์ตอนนี้ กัมพูชาและไทยจึงยังอึมครึ้มด้วยเหตุจาก..........ทักษิณ

หมายเหตุ

เอกสารฉบับนี้จะส่งไปแจ้งแก่เพื่อนๆคนไทยทั้งหลายที่ดูไบครับ เห็นส่งเมลมาถามผมหลายคนแล้ว ส่วนคนคนนั้นที่ชอบสีแดง

เขารู้ดีอยู่แล้ว

โฆษก**เขมร**ประกาศปิดพรมแดนแล้ว

โฆษกกัมพูชาออกเจื้อยแจ้ว ฟุ้งรัฐบาลกรุงพนมเปญจะตอบโต้ทุกมาตรการที่ไทยประกาศใช้ รวมทั้งจะต้องปิดพรมแดน ถ้าหากไทยประกาศปิดก่อน

แต่สื่อออนไลน์ที่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นมากกว่าสื่อประเภทอื่น รายงานเรื่องนี้ด้วยความขบขัน ที่นายกอยเกือง (Koy Kuong) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์เช่นนั้น

นายกอยเอง ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดืมอัลปึล ว่า รัฐบาลฮุนเซนกำลังจะตอบโต้รัฐบาลไทยแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พร้อมขู่สำทับเรื่องนี้

"ถ้าหากไทยปิดพรมแดน กัมพูชาก็จะปิดพรมแดนด้วยเช่นเดียวกัน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าว

มีความเห็นใต้ข่าวว่า

"ถ้าฝ่ายไทยปิดพรมแดนก็หมายถึงว่า ไม่มีอะไรข้ามไปข้ามมาได้อีกแล้ว แล้วกัมพูชาจะเอาพรมแดนที่ไหนมาปิด?"

"ถ้าหากไทยปิดพรมแดน แล้วมีความจำเป็นอะไรที่กัมพูชาต้องปิดซ้ำอีก?"

Everyday.com.kh ซึ่งเป็นสำนักข่าวภาษาเขมรยอดนิยม โดยชาวเขมรในต่างแดน ตั้งคำถามอย่างขบขัน


จาก เสรีไทย

ทางฮุเซนได้ส่งคนมาเจรจากับทางทหารไทยไม่ให้ปิดด่านแล้ว นับเป็นการกระทำที่ผิดอีกครั้ง
เพราะเจรจากับแม่ทัพภาค 2 แทนที่จะเป็นแม่ทัพบก และการเจรจาเรื่องนี้ต้องเจรจากับรัฐบาลไม่ใช่เจ้าหน้าที่

เชื่อ กันว่าหากปิดชานแดนสิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือ นักท่องเที่ยวกัมพูชาจะหายไปครึ่งหนึ่ง เชื่อกันว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยที่เข้ากัมพูชามาจากไทยกว่าครึ่ง

โฆษก**เขมร**ประกาศปิดพรมแดนแล้ว

โฆษก**เขมร**ประกาศปิดพรมแดนแล้ว

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฮุนเซน เจอ อภิสิทธิ์แล้ววันนี้ ที่ญี่ปุ่น น่าสงสารมาก


ภาพจากคุณลูกเสือหมายเลข 9


วันนี้เองในการประชุมประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งหลายประเทศในลุ่มน้ำโขงรวมถึงไทย กัมพูชาได้ไปด้วย

แน่ละนี้เป็นครั้งแรกที่ฮุนเซนและอภิสิทธิ์ได้เจอกัน หลังทั้งสองฝ่ายถอนฑูต

เล่าว่านายกไทย ลาว พม่าและเวียดนาม จับมือให้สื่อถ่ายรูปกันในฐานะประเทศอาเซียนเหมือนกัน แต่............

ฮุนเซนอยู่ห่างๆทำหน้าบอกบุญไม่รับ จนผู้นำลาวกวักมือเรียก

นักข่าวหลายคนยืนยันว่าฮุนเซนหน้าเจื่อนๆก่อนเดินหลบไป โดยมีอภิสิทธิ์อมยิ้ม

มีแต่ผู้นำลาวที่อยู่และรู้สึกไม่พอใจ เพราะชายแดนเขาติดกับทั้งเราและเขมร

เพื่อนบ้านร่วมชายแดนแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับเขาเลย

ส่วนผู้นำพม่านั้นหน้าบึ้งทีเดียว เพราะหนที่อาเซียนฮุนเซนดันเอาเรื่อง

ซูจี มาพูด

พรมแดนไม่ติดกัน นี้ถ้าติดแล้วคงอีกเรื่องแน่ๆ

นี้ไม่มีใครบอกนะ ว่าเวียดนามที่มีปัญหาชายแดนกับฮุนเซนทำหน้ายังไง

แต่ที่รู้แน่ๆตอนนี้ หมาหัวเน่าแห่อาเซียน ได้เกิดขึ้นแล้ว

ไทยยกเลิกข้อตกลง ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน กับ เขมรแล้ว

ล่าสุด ทางกระทรวงต่างประเทศได้ประกาศยกเลิกข้อตกลง(MOU)ระหว่างรัฐบาลไทยและ กัมพูชาในเรื่องก๊าชธรรมชาติบนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลแล้ว

โดยกล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวกระทำในขณะที่ ทักษิณเป็นนายก เมื่อขณะนี้ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกัมพูชาแล้ว ทำให้ข้อมูลฝ่ายไทยรั่วไหล

จึงเป็นเหตุให้ต้องยกเลิกข้อตกลงเบื้องต้น แล้วเริ่มคุยใหม่

โดยจะมีการทำประชาวิจารณ์ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

บ่อน้ำมันและแก๊สธรรมชาติกลางอ่าวไทยบนพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชานั้น ทำให้กัมพูชาประกาศจะนำมาใช่พัฒนาประเทศ และปัจจุบันยกพื้นที่ดังกล่าวให้บริษัท TOtal ของฝรั่งเศษแล้ว

การยกเลิกข้อตกลงแล้วหันมาเริ่มใหม่นั้น ทำให้ฮุนเซนเสียรางวัดไปแน่นอนและนั้นอาจหมายถึงเศรฐกิจกัมพูชาที่อาจดิ่ง เหวเพราะภาวะตลาดหุ้น

ธนาคารโลกประเมินว่า แหล่งพลังงานในกัมพูชาน่าจะมีน้ำมันถึง 2,000 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่จะสร้างรายได้ให้กัมพูชาไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านเหรียญต่อปี (เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันดิบบาร์เรลละ 60 เหรียญ)

สำหรับพื้นที่ที่น่าจะมีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมากที่สุดก็คือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทยนั่นเอง
การประกาศครั้งนี้จึงส่งผลตรงกับกัมพูชาและเงินช่วยเหลือจากชาติที่หวังในบ่อน้ำมันก็จะหายไปด้วยเช่นกัน

แถลงการณ์ของกัมพูชาเรื่องแต่งตั้ง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" โดย จักรภพ

เนื่องมาจากเหตุการณ์ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่เกี่ยวข้องกับ ฯพณฯ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย

ผู้นำไทยส่วนหนึ่งได้แสดงปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องบนบรรทัดฐานของสนธิสัญญา ส่งตัวระหว่างกัมพูชาและไทยว่า จะร้องขอให้มีการส่งตัวอดีตนายกรัฐมนตรีไทยกลับ หากเดินทางเข้ามายังกัมพูชา สำนักอัยการสูงสุดของไทยได้ยกประเด็นขึ้นว่าทางราชอาณาจักรกัมพูชามีสิทธิ์ ที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าว แต่ต้องอธิบายความและให้เหตุผลอันสอดคล้องกับหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ ในอีกกรณีหนึ่ง รองนายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวว่าไทยมีสิทธิ์ที่จะขอให้ส่งตัวคุณทักษิณกลับไทย ตามหลักการของสนธิสัญญาส่งตัวระหว่างกัมพูชาและไทย ตลอดจนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (แหล่งข่าวจาก: เอเอสทีวี เมเนเจอร์ ออนไลน์ ที่ขึ้นข้อความข่าวนี้เมื่อ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ที่ตีพิมพ์เมื่อ ๒๗ และ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ และในหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นเมื่อ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๒)

หลังได้พิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้ว รัฐบาลกัมพูชาขอตั้งข้อสังเกตต่างๆ ดังนี้:

๑. โดยมาตรา ๓ แห่งสนธิสัญญาส่งตัวระหว่างกัมพูชาและไทยที่ลงนามในกรุงเทพมหานครเมื่อ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และให้สัตยาบรรณพร้อมประกาศใช้ในพระราชบัญญัติที่ N CS/RKM/0799/08 ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ผู้ได้รับการร้องขอคือกัมพูชาสามารถพิจารณาได้ก่อนว่า กรณีของคุณทักษิณเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่

๒. อ้างถึงกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรา ๓ ในอนุสัญญายุโรปเกี่ยวกับการส่งตัว ที่ลงนามใช้เมื่อ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ และมาตรา ๓ ของต้นแบบสนธิสัญญาส่งตัวในกรอบองค์การสหประชาชาติเมื่อ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๓ การส่งตัวจะกระทำมิได้เลยภายใต้เงื่อนไข ๒ ประการต่อไปนี้:

a. หากคดีความอันเป็นเหตุให้เกิดข้อเรียกร้องส่งตัว มีลักษณะเป็นคดีการเมืองตามความเห็นของประเทศที่ได้รับการร้องขอ
b. หากประเทศผู้ถูกร้องขอมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าการขอให้ส่งตัวเป็นไปโดยจุด ประสงค์เพื่อเอาผิดหรือลงโทษกับบุคคลนั้นๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ สัญชาติ เผ่าพันธุ์ ทัศนะทางการเมือง เพศ ศาสนา หรือสถานภาพทางสังคม จนบุคคลนั้นๆ อาจถูกตัดสินอย่างมีอคติได้

๓. นอกจากนั้นแล้ว เพื่อเน้นหลักปฏิบัติระหว่างประเทศให้ชัดเจนขึ้นอีก โฆษกรัฐบาลขอยกกรณีตัวอย่างจำนวน ๒ กรณีจากคดีที่มีอยู่มากมายและเป็นที่รับรู้ทั่วไปในระดับระหว่างประเทศ นั่นคือคดีระหว่างญี่ปุ่นและเปรู และคดีระหว่างอังกฤษและรัสเซีย ญี่ปุ่นได้ปฏิเสธคำขอของเปรู และอังกฤษก็ได้ปฏิเสธคำขอของรัสเซีย บนหลักการว่าคำร้องขอทั้งสองกรณีนั้นเกี่ยวข้องกับการเมือง
ในกรณีของ ฯพณฯ ทักษิณ กัมพูชาเห็นว่ามีเหตุทางการเมืองอย่างชัดแจ้งในการโค่นผู้นำผู้นี้ลงจาก ตำแหน่งด้วยการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ในขณะที่ท่านอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่องค์การสหประชาชาติ คดีความมากมายที่ตามมาหลังจากนั้น รวมทั้งการตัดสินลงโทษต่อตัวท่านทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น

จากข้อพิจารณาทางกฎหมายดังกล่าวทั้งหมด และโดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศทั้งมวล เราจึงขอย้ำอย่างเด็ดขาดว่า ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ ก็ตาม ราชอาณาจักรกัมพูชาจะไม่ส่งตัว ฯพณฯ ทักษิณกลับตามคำร้องขอจากประเทศไทย ไม่ว่าในขณะที่ท่านตัดสินใจเข้ามาพำนักหรือเดินทางผ่านกัมพูชาไปยังประเทศ อื่นๆ ก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามความในพระราชกฤษฎีกาที่ NS/RKT/1009/1018 ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งท่านเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซ็นผู้เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลแห่งชาติกัมพูชา
โฆษกรัฐบาลขอแสดงเจตนารมย์ด้วยว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีในการธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดีและความ ร่วมมือในทุกๆ ด้าน ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย การเชิญ ฯพณฯ ทักษิณ มายังกัมพูชา เกิดจากความตระหนักในธรรมเนียมโบราณของเราที่ว่า “เพื่อนในยามยาก คือเพื่อนยากที่แท้จริง” (“a friend in need is a friend in deed”)

กรุงพนมเปญ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

แปลโดย จักรภพ เพ๊ญแข

ปล.
เอามาให้อ่านครับ หนังสือฉบับนี้นำมาซึ่งการตอบโต้จากไทยในการถอนฑูตและยกเลิก MOU

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หนังสือแต่งตั้ง ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาฯต้นฉบับภาษาแขมร์

เรื่องลึกๆ.....นครรัฐปัตตานี

เพื่อนผมคนหนึ่ง เขาเมียที่เป็นลูกสาว สส ที่ปัตตานีครับและตัวเขาเองก้ฌป็น อบตที่จังหวัดเดียวกัน จริงๆ สส ท่านนี้เคยอยู่กับลุงจิ๋วมาก่อนครับ นั้นทำให้ผมพลอยรู้จักลุงแกจริงๆไปด้วย

นี้คือที่มาของการเรียกลุง แทนที่จะเป็นบิ๊กจิ๋วเหมือนใครๆ ผมเรียก สส ท่านนี้ว่า เจ๊ะ ครับ
และ
เจ๊ะไม่ได้อยู่เพื่อไทย จะว่าไปท่านทิ้งทักษิณมานานมากแล้วก่อนวาดะจะแตก...........

ท่านเล่าให้ผมฟังเรื่อง นครรัฐปัตตานีของ ลุงจิ๋วว่า..........ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว

โดยเกิดหลังเกิดเหตุการณ์ที่ กรือเซะ ลุงจิ๋วได้พูดเรื่องนี้แล้วเสนอแก่ทักษิณ

ไม่มีใครรู้ว่าลึกๆคุยอะไรกัน แต่รู้ว่าเรื่องนี้คุยกันผ่านสื่อหนเดียว หลังคุยกับทักษิณ ลุงจิ๋วก็ไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย และภายหลังได้ลาออกจาก ไทยรักไทยด้วยพร้อมฝากกลุ่มวาดะห์ในมือทักษิณ

ภายหลังกลุ่มวาดะแพ้อย่างหมดรูปที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้วันนอร์ประกาศไม่รับตำแหน่งใด และนำมาซึ่งการแยกทางของกลุ่มวาดะห์ ที่ปัจจุบันส่วนใหญ่ไป มาตุภูมิ และบางส่วนไปเพื่อแผ่นดิน(รวมถึงเจ๊ะของผม)

เจ๊ะ ผมเล่าให้ฟังทำนอง ทักษิณไม่ชอบความคิดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว จะว่าไปลุงจิ๋วเสนอความคิดนี้เพราะมองออกว่า.หลังจากกรือเซะแล้วทุกอย่างจะ เปลี่ยนไป ความรุนแรงจะไม่เหมือนอดีตอีก

แล้วความรุนแรงนั้นก็เป็นอย่างที่เราเห็นปัจจุบัน...............

ดังนั้นการเสนอของลุงจิ๋วที่เราเห็น จึงเป็นเรื่องของลุงแกจริงๆ ไม่เกี่ยวกับทักษิณแต่อย่างไร

และเราจะเห็นได้จากทวิตเตอร์ของทักษิณที่ไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย

จะว่าไปตอนนั้นทักษิณมั่นใจในตัวเอง และไม่เชื่อว่าเรื่องมันจะยืดยื้อ ถึงขนาดสั่งข้าราชการและคนหลายคนลงใต้ โดยบอกว่า

ถ้าเหตุการณ์ไม่สงบ ไม่ต้องกลับมา.........

แต่เหตุการณ์ก็ไม่เคยสงบจนบัดนี้............

อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่ เจ๊ะ ไม่เคยบอกผมคือ คนท้องถิ่นว่าอย่างไรกับแนวคิดนี้

แต่.......มีคนมากระซิบผมอีกทีว่า ที่ ดร ปณิทาน ออกมายอกใส่ จิ๋วว่า

"รับงานมาจากโจรหรือเปล่า?"

ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ เพราะมีการพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 47 และในปี 52 พศ ปัจจุบันก็ยังพูดอยู่

การที่คนของเพื่อไทย ออกมาประกาศว่า ลุงจิ๋วสามารถทำให้เหตุการณ์สงบได้ในระหว่างเดินทางไปภาคใต้และพบนายก มาเลย์นั้นน่าคือ

เพื่อไทยเอาอะไรมารับรองเล่า?

คำว่ารับงานมาจากโจรจึงเริ่มน่าคิด และน่าคิดยิ่งขึ้นอีกหรือไม่เมื่อทักษิณอยู่ดูไบ ตะวันออกกลาง....

การตกลงบางอย่างกำลังเกิดหรือเปล่าผมไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้มีประกาศในเว็บพูโล ขอให้นายกมาเลย์เป็นคนกลาง......

ผมไม่อยากคิดอะไรมาก แต่ข้อมูลในท้องถิ่นตอนนี้มันไปทางเดียวกันหมดแล้ว

รถไฟไทย ห่วย จริงเหรอ?(มุมมองแบบสถาปนิกและคนภาคใต้)

เมื่อสมัยผมยังเรียนในระดับปริญญาตรี ผมมักได้ยินคนพูดเสมอว่ารถไฟไทยนั้นห่วยแตก รางก็เล็ก มีรางเดียว ไม่ตรงเวลาและอื่นๆอีกมาก จนเมื่อจบผมได้ไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทสเพื่อนบ้านเรา

มาเลเซีย ความคิดของผมเกี่ยวกับรถไฟไทยก็เปลี่ยนไปตลอดกาล...............

ผมได้คุยเรื่องรถไฟกับอาจาร์ยด้านผังเมืองท่านหนึ่งที่มาเลย์ และเล่าเรื่องปัญหาให้ท่านฟัง

ท่านเงียบฟังผมก่อนจะบอกผมว่า

อังกฤษไม่โง่หรอกนะ

ท่านอธิบายผมว่า เมื่ออังกฤาเข้ามาในดินแดนแถบนี้ เขามีความพยามที่จะยึดดินแดนนี้ั้งหมด รวมถึงประเทศไทยด้วย

เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ได้นำดินแดนทางใต้ไปวางเพื่อขอกู้ทำทางรถไฟนั้น อังกฤษก็กระดี้กระด้าให้ และมาวางเส้นทางการเดินรถไฟให้ด้วย

โดยการวางครั้งนั้น อังกฤษวางบนความคาดหวังจะเป็นเจ้าของประเทศสยาม จึงวางเส้นทางเดินรถไฟของสยามประเทศให้มีขนาดเดียวกับมาลายา สิงคโปร พม่า..........เพื่อเชื่อม สิงคโปรและอินเดียเข้าด้วยกัน........

จากอินเดียสามารถต่อเข้าตะวันออกกลางและอียิปต์ในที่สุด........

จะว่าไปอังกฤษวางรางในพม่าให้เข้าจีนได้ด้วย และจากจีนจะเข้าฮ่องกงได้ด้วย

ว่างง่ายๆคือ ท่านสามารถนั่งรถไฟจากสิงคโปรไปฮ่องกงได้สบายๆ ขนส่งตะกั่วในภาคใต้ของไทยไปทำลูกปืนที่อินเดีย แล้วไปรบที่จีนหรือรัสเซียได้

ดังนั้นประเทศไทยจึงถูกวางเส้นทางเดินรถให้เชื่อมกับสิงคโปร มาลายา พม่า ลาว และกัมพูชา

ประเทศไทยถูกวางเป็นศูนย์กลางเพราะอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นศูนย์กลางพอดี และต่อเชื่อมกับท่านเรือที่ดีที่สุดของอังกฤษ สิงคโปร

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว......คุณคิดว่าระบบของรถไฟไทย แย่เหรอ

ผมนั่งนึกตามแกแล้วคิดตาม ใช่รถไฟไทยมัศักยภาพนั้นจริงๆ ปัจจุบันศักยภาพนั้นยังแสดงให้เห็นในรถไฟท่องเที่ยว โอเรนทรัล พริ้นเซส จากสิงคโปรกรุงเทพฯ ซึ่งหากพม่าไม่ปิดประเทศเส้นทางนี้คงไปถึงพม่าและอินเดียต่อไปเลยทีเดียว

นอกจากนี้อาจาร์ยแกยังชี้ไปที่ตรัง และสงขลาพลางบอกว่า

เรามีเส้นทางเดินรถระหว่างอันดามันและอ่าวไทยด้วยนะ รถไฟจากตรังไปสงขลาได้ และทั้ง 2 ที่สามารถสร้างท่าเรือน้ำลึกได้

ปัจจุบันรถไฟไปสงขลามีแต่รางครับ การเดินรถถูกยกเลิกไปแล้ว

แต่เมื่องมองก็จริงอย่างว่า มีหลายคนอธิบายผมว่าอังกฤษสร้างเส้นทางระหว่างตรังและสงขลาเผื่อเกิดสงคราม ถูกยึดสิงคโปร ก็จะมาใช่เส้นทางสายนี้แทน

ผมมองอย่างเข้าใจได้ยิ่งเมื่อใช่วิชาที่เรียนทางสถาปัตยกรรมและผังเมืองยิ่ง เห็นความคิดที่ลึกมากของการรถไฟในอดีต สนามบินดอนเมืองกับทางรถไฟที่สร้างมาพร้อมๆกันกว่า 100 ปี

ที่ดินการรถไฟที่เผื่อขยายรางเป็นรางคู่

รถไฟเรานั้นไม่กระจอกเลย มันถูกวางแผนมาอย่างดีเพื่อยึดประเทสและโลก

แต่ด้วยพระปรีชาของพระมหากษัตริย์ เราจึงยังคงมีเอกราชและมีของดีชิ้นนี้ในมือ

แต่ก็........ด้วยเหตุผลหลายๆประการ สิ่งที่ถูกวางแผนมาอย่างดีในอดีต มันไม่พัฒนาขึ้นเลย

จะว่าไปมันแย่กว่าสมัยเริ่มต้น ร 5 ด้วยซ้ำ

ที่ดินที่เผื่อเรื่องราง โรงซ่อมและอื่นๆถูกนำมาใช่เพื่อการค้า ผลประโยชน์และอื่น

เลยทำให้สายรถไฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก......เป็นอย่างที่เห็น

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หากบิ๊กจิ๋วจะเปลี่ยนอะไรที่ปัตตานี เปลี่ยน**ป้ายนี้**ก่อนดีไหม?





ป้ายนี้มาตั้งเมื่อไหร่ไม่ทราบ ทราบแต่มันมีรูสมัยท่านเป็นรองนายกฝ่ายความมั่นคง สมัย..........ทักษิณ

รูนี้เกิดจากกระสุนที่ใช่ในการสลายเหตุจราจลที่กรือเซะในบัญชาการของท่านและพลเอก พัลลภ

ป้ายนี้มีรูต้องแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่เคยถูกเปลี่ยนแม้ตอนที่ทักษิณเป็นรัฐบาล และยังคงทนมาจนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าสมัครเข้ามามันก็ยังอยู่

ท่านจะแก้ปัญหาใต้??? แค่รูกระสุนบนป้าย ที่มาจากยุคที่ท่านเป็นรองนายก

ท่านยังทำให้มันหายไปไม่ได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

10 อันดับตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2552

เอ็งก็เป็นสถาปนิกก็ช่วยใช่วิชาชีพมาให้ความรู้หน่อยสิ ให้แต่เรื่องการเมืองนะนายพักหลัง

เพื่อนๆผมหลายคนเขาว่ามา เลยนึกอยู่ว่าจะเอาเรื่องอะไรมาให้ดี
แล้วคิดได้

วันนี้ผมเสนอ 10 อันดับตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2552

ต้องบอกก่อนว่าทุกอาคารที่นำมาเสร็จแล้ว และนี้จะไม่นับรวมอาคารที่ยังไม่เสร็จหรือกำลังสร้างนะครับ

อันดับ 10


อาคารนี้เป็นของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เมืองไทยครับ คุณ อนันต์ อัศวโภคิน ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ LH Bank ครับผมนั้นคือ

Life Center Q-House Lumpini




อาคารหลังนี้สูง 202.5 เมตรครับ มี 39 ชั้นครับ
หลาย
คนอาจงง มันดูน้อยมากเมื่อเทียบกับความสูง
นี้เป็นเพราะงานระบบภายในที่ให้ความสูงต่อชั้นของอาคารสำนักงานจะสูงกว่า
อาคารพักอาศัยเช่นโรงแรม

ในความสูงระดับนี้หากเป็นโรงแรมจะได้ประมาณ 60 ชั้นครับ
อาคารหลังนี้นอกจากเป็นสำนักงานแล้ว มันยังเป็นซ๊อปปิ้งมอลล์ด้วย


อันดับ 9

ผมไม่อยากเชื่อนักนะครับ แต่อาคารที่สูงอันดับ 9 ของประเทสไทยคือ

อาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์

มันเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเดิมชื่อ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ครับอาคารหลังนี้เป็นส่วนสำนักงานของ เซ็นทรัลเวิลด์ ครับ

ซึ่งเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ คอมเพล็กที่สมบูรณ์ครับมีทั้งห้าง โรงแรม และสำนักงานที่สูงเป็นอันดับ 9 ของประเทศไทยครับ

อาคารด้านหลังนพครับ ตัวโค้งๆเป็นโรงแรม
อาคาร ดิ ออฟฟิเคส เซ็นทรัลเวิลด์ สูง 204 เมตรครับ และมี 45 ชั้น
นอกจากนี้อันดับถัดมายังเกี่ยวกันด้วคือ........เดี๋ยวค่อยบอกครับ

อันดับ 8
ยังคงเป็นอาคารสำนักงานครับ และหนนี้ออกจากฝั่งพระนครเข้าฝั่งธนฯที่อาคาร

กสิกร สำนักงานใหญ่ Thai Farmer Bank Headquarters


อาคาร
นี้ถือเป็นอาคารงดงามหลังหนึ่งครับ สถาปนิกผู้ออกแบบได้ concept
มาจากสะพานพระราม 9 ด้านหน้าอาคาร
พออาคารเสร็จบางคนเข้าใตผิดไปว่าสะพานเป็นของธนาคารเลยทีเดียว
อาคารหลังนี้มีความสูง 207.6 เมตร และมี 42 ชั้น


อันดับ 7

อาคารหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ All Season ครับ นั้นคือ

China Resources Tower


เนื่อง
จากโครงการนี้มี 5 อาคารนะครับ
อาคารแต่ละหลังก็จะทำหน้าที่ต่างๆกันออกไป หลังนี้เป็นสำนักงานครับ
จะสังเกตนะครับที่ผ่านมามีแต่สำนักงานทั้งนั้น

อาคารหลังนี้สูง 210 เมตรครับ และมี 53 ชั้น


อันดับที่ 6

หลังนี้ก็ยังคงเป็นสำนักงานครับตั้งอยู่บนถนน สีลม แหล่งรวมอาคารสูงของทั้งประเทศครับนั้นคือ

Jewelry Trade Center



อาคารนี้สูง 220.7 เมตร ครับ และมี 53 ชั้น ครับ


อันดับที่ 5

ผมว่าทุกคนจะเห็นอาคารหลังนี้บ่อยมาก เป็นฉากของละครหลายเรื่อง นั้นคือ

Empire Tower
อาคารหลังนี้ เป็นสำนักงาน(อีกแล้ว) และสูง 226.8 ครับและมี 62 ชั้น.....


อันดับ 4

แล้วเราก็หลุดพ้นจากอาคารสำนักงานมาสู่อาคารพักอาศัยครับนั้นคือ

THE MET



อาคารหลังนี้เป็นคอนโดมิเนียมครับ และจะเปิดใช่ในปีนี้แหละใหม่ๆเลยครับ เป็นอาคารที่ค่อนข้างทึมครับ

อาคารนี้ ความสูง 228 เมตร/ 66 ชั้น



อันดับ 3

กลับมาที่เซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง ที่อาคารนี้
โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ (Centara Grand and
Bangkok Convention Center at CentralWorld)


ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว
ความสูง 55 ชั้น ประกอบด้วยห้องพัก จำนวน 505 ห้อง
และมีส่วนห้องประชุมสัมนาที่ใช่จัดงานด้วยครับ
นอกจากนี้ชุ้นบนสุดยังมีร้านอาหารที่สามารถชมวิวเมืองในแทบราชประสงค์ได้อย่างงดงามครับผม


อาคารหลังนี้สูง 235 เมตร และมี 57 ชั้น

ตกลงเซ็นทรัลเวริด์มีตึกที่สูงติดอ้นดับประเทศถึง 2 หลังด้วยกันทีเดียวครับ

อันดับที่2

ตึกนี้ ติดริมน้ำเจ้าพระยา อยู่แถวๆ สาธร
เป็นตึกที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีกทั้งบนยอดตึกยังมีภัตตาคารกลางแจ้งที่สูงที่สุดในเอเชีย


ให้คู่รักไปทานอาหารกับบรรยากาศโรแมนติก..แต่ลมแรงนะ เพราะมันอยู่สูง


(ราคานะ ถ้าไป 2 คน 2000 + นะครับ ห้ามไปบอกคุณ nana นะ กระเป๋าผมฉีกแน่)


อาคารหลังนี้เป็นโรงแรมครับราคาคืนละ 5000 บาท

และอาคารนี้คือ


State Tower

อาคารนี้สูง 247.2 เมตรครับ และมี 63 ชั้น

และมาถึงอันดับ 1

จริงๆไม่อยากประกาศหรอกครับ ครองมาหลายปีแล้ว

Baiyoke Tower II

ครองตำแหน่งด้วยความสูง 307 เมตร สูงกว่าอันดับ 2 เกือบๆ 50 เมตร และมีจำนวนชั้นทั้งสิ้น 85 ชั้นมากกว่าอันดับ 2 ถึง 22 ชั้น


โห.....................

โดยได้ตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2540 แล้วครับ



โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม ส่วนชั้นล่างให้เช่าขายเสื้อผ้าครับ

ชั้นบนเปิดให้ชมวิวและเป็นภัตรคารอีกด้วย



อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสถิตินี้คงถูกทำลายในไม่ช้า จากการประกาศตัวของอาคารมหานคร ในกทมและ โอเชียนวันที่พัทยา

แต่

ตราบใดที่การก่อสร้างยังไม่เสร็จสิ้น การเปลี่ยนแบบและลดชั้นก่อสร้างมีได้เสมอ

การจัดอันดับจึงต้องนับที่โครงสร้างเสร็จเท่านั้นครับ

อะไหงๆก็อยู่ OK Nation มานาน............

อาคารเนชั่น 2

ออก
แบบโดย สุเมธ ชุมสาย โดยพัฒนาจากเนชั่น1
ที่เป็นรูปนักหนังสือพิมพ์ก้มหน้างุดกับพิมพ์ดีด
มาเป็นระบบการพิมพ์อิเลคโทรนิกที่ปรากฏบนผนังอาคาร

สูง 160 เมตรครับ มี 40 ชั้นครับ

อยู่ประมาณลำดับที่ 40 ร่วมกับอีก 24 ตึกครับ